วันที่: 2015-08-11 14:47:06.0
ไม่ว่าคุณจะทำครัวบ่อยแค่ไหนก็ตาม อ่างล้างจานก็พร้อมจะทำงานหนักไปพร้อมกันด้วย และสิ่งที่ตามมาก็คือคราบฝังแน่น ริ้วรอยขีดข่วนจากการใช้งานที่ยากจะหลีกเลี่ยง แต่ก็ใช่ว่า...คราบและริ้วรอยนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่ต้องอยู่คู่อ่างอย่างถาวร เคล็ดไม่ลับทำความสะอาดสม่ำเสมอ ยังคงเป็นตัวช่วยได้ดี เตรียมอุปกรณ์แล้วเริ่มลงมือจัดการให้ซิ้งค์ของคุณกลับมาน่าใช้เหมือนวันแรกกันเถอะ
ตระเตรียมอุปกรณ์
ฟองน้ำ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์, เบคกิ้งโซดา, มะนาว, น้ำส้มสายชู, น้ำมันมะกอก
อุปกรณ์พร้อมก็เริ่มลงมือกันเลย
1.เริ่มกันด้วยเคลียร์สิ่งสกปรกต่างๆ บริเวณอ่างและในท่อน้ำทิ้ง เช่น เศษอาหารที่ตกค้าง เปิดน้ำให้ชำระสิ่งสกปรกต่างๆ ลงไปตามท่อให้หมด หรือจะใช้ก๊อกแบบสายฉีดๆ บริเวณท่อน้ำทิ้งก็ช่วยได้มากทีเดียว
2.โรยเบคกิ้งโซดาให้ทั่วบริเวณอ่าง รวมถึงบริเวณขอบอ่าง ให้เบคกิ้งโซดาปกคลุมอ่างไว้เหมือนหิมะตก เพื่อให้เบคกิ้งโซดาช่วยกัดกร่อนคราบต่างๆ ก่อนลงมือขัด
3.ใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ ขัดทำความสะอาดโดยขัดไปในทางเดียวกับลายของเนื้อสแตนเลส ให้เบคกิ้งโซดาทำหน้าที่เป็นเหมือนสครัปขัดผิว ที่ไม่ทำลายเนื้อผิวของสแตนเลส
4.ฝานมะนาวเป็นชิ้นๆ นำมาขัดผิวอ่างไปในทางเดียวกับลายของเนื้อสแตนเลส มะนาวจะช่วยดับกลิ่นของเบคกิ้งโซดาที่ทำปฎิกิริยาเมื่อขัดสแตนเลสได้
5.เมื่อขัดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ให้เทน้ำส้มสายชูให้ทั่วอ่าง เมื่อน้ำส้มสายชูทำปฎิกิริยากับเบคกิ้งโซดาจะมีเสียงฟู่ๆ ซึ่งน้ำหมายความว่ากระบวนการทำความสะอาดได้เริ่มแล้ว ราดน้ำส้มสายชูให้ทั่วจนเบคกิ้งโซดาละลายหมด แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด อ่างก็จะกลับมาสะอาดน่าใช้อีกครั้ง
6.เพิ่มความเงางามด้วยน้ำมันมะกอก หลังจากขัดทำความสะอาดเรียบร้อย เช็ดอ่างให้แห้ง เทน้ำมันมะกอกลงบนผ้านุ่มๆ ขัดเบาๆ ตามลายของเนื้อสแตนเลสให้ทั่วบริเวณอ่าง เท่านี้ก็จะได้อ่างที่สะอาดเป็นเงางาม
เพื่อให้อ่างล้างจานสแตนเลสคงความเงางามน่าใช้ ความเช็ดคราบน้ำให้แห้งทุกครั้งหลังการใช้งาน และขัดล้างทำความสะอาดแบบจริงจังตามวิธีข้างต้นอย่างน้อยเดือนละครั้ง รับรองได้เลยว่าอ่างล้างจานของคุณจะดูใหม่อยู่เสมอ
ขอบคุณที่มาข้อมูล : www.hafelethailand.com
รวมวิธี ทำความสะอาดห้องครัว ให้ไร้คราบ และปราศจากกลิ่น
เพราะห้องครัวคืออีกห้องหนึ่งที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับครอบครัว การดูแลรักษาและหมั่น ทำความสะอาดห้องครัว จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ทุกครั้งหลังจากปรุงเมนูสุดโปรดเพิ่มพลังให้กับร่างกาย ก็อย่าลืมที่ต้อง ทำความสะอาดห้องครัว กันสักหน่อย เพราะไหนจะคราบจากน้ำมัน เครื่องปรุง และกลิ่นเศษอาหารอีก เพื่อสุขอนามัยที่ดี
1.การกำจัดคราบน้ำมันบนผนัง
หลังจากการปรุงอาหารทั้งผัดและทอด สิ่งที่เหลือไว้อยู่บนผนังห้องครัวก็คือคราบน้ำมันที่จะค่อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ นั่นเพราะเราไม่สามารถขัดผนังได้ทุกครั้งหลังทำอาหาร จึงทำให้การทำความสะอาดแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ต้องออกแรงอยู่พอสมควร ดังนั้นการใช้น้ำยาล้างจานที่ช่วยขจัดคราบมันอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ควรเพิ่มน้ำส้มสายชูและผสมเข้ากับน้ำอุ่นเป็นน้ำยาเช็ดทำความสะอาด โดยขัดให้ทั่วและทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ตามด้วยการเช็ดออกด้วยฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำสะอาดอีกครั้ง
2.ขจัดคราบทั่วไปด้วยสเปรย์น้ำส้มสายชู
ภาพจาก https://assets.entrepreneur.com
ไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ แต่หลังการใช้ห้องครัวปรุงอาหารทุกครั้งก็ต้องเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อยเสมอ ซึ่งการใช้สเปรย์น้ำส้มสายชูที่ผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งฉีดพ่นบริเวณทั่วไปในครัว ตามด้วยการเช็ดทำความสะอาดก็เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันหยุด ทั้งหลังจากการเตรียมมื้ออาหารธรรมดาหรือการทำความสะอาดบนหลังตู้ เคาท์เตอร์ครัวทั่ว ๆ ไป ก็หยิบมาใช้ได้เลยค่ะ
3.ถอดหัวเตาออกมาทำความสะอาด
ภาพจาก https://www.tasteofhome.com
สำหรับเตาแก๊สที่ต้องคอยรับศึกหนักจากการปรุงอาหารแทบทุกเมนู ก็คงไม่แปลกที่จะมีคราบสกปรกสะสม การทำความสะอาดหลังจากถอดส่วนประกอบออกมาคือการเช็ดด้วยน้ำอุ่นที่ผสมกับน้ำยาล้างจานให้ทั่ว ส่วนหัวเตานั้นให้นำผ้าไปชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดที่สุดเช็ดทำความสะอาดค่ะ
4.บอกลาคราบมันด้วยเบกกิ้งโซดา
ภาพจาก http://www.reallycheapbondcleaning.com.au
มากำจัดคราบมันกวนใจในทุก ๆ พื้นที่ด้วยเบกกิ้งโซดา ตัวช่วยสารพัดประโยชน์ที่ไร้กลิ่น ไร้สารเคมีตกค้าง สามารถทำได้ตั้งแต่การนำมาผสมน้ำ แล้วทาทิ้งไว้ตามบริเวณที่มีคราบมันก่อนที่จะเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง หรือจะใช้โรยบนอุปกรณ์ครัวรวมทั้งพื้นที่ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันแล้วทิ้งไว้สักชั่วโมง ให้เบกกิ้งโซดาเป็นตัวช่วยดูดน้ำมันออกเพื่อให้ขัดง่ายขึ้นได้ค่ะ
5.วิธีกำจัดกลิ่นคาวในห้องครัว
ภาพจาก https://www.rd.com
เศษอาหารที่ถูกทิ้งสะสมไว้หลังจากปรุงอาหารและการล้างจานคือต้นตอของกลิ่นคาวที่เหม็นคลุ้งไปทั่วห้องครัว ขนาดนำไปทิ้งและ ทำความสะอาดห้องครัว แล้วก็ยังหลงเหลืออยู่ แต่เราสามารถใช้วิธีการผสมแอลกอฮอล์กับน้ำเปล่าอีกเล็กน้อยลงในขวดสเปรย์แล้วนำไปฉีดพ่นที่ถังขยะหรือมุมที่มีกลิ่นให้เจือจางลงได้ นอกจากนี้ยังสามารใช้เบกกิ้งโซดาโรยลงในถังขยะทุกเช้าเพื่อให้เป็นตัวช่วยดูดกลิ่นและกำจัดความชื้นได้อีกด้วย
6.ขจัดคราบและกลิ่นอับในตู้เย็น
นอกจากเบกกิ้งโซดาจะช่วยกำจัดกลิ่นในถังขยะแล้วก็ยังทำความสะอาดตู้เย็นได้อีกด้วยค่ะ โดยขั้นแรกให้ถอดส่วนประกอบของตู้เย็นออกมาขัดล้างด้วยน้ำอุ่นที่ผสมเบกกิ้งโซดาและน้ำยาล้างจาน ส่วนภายในตู้เย็นก็ใช้ฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำอุ่นที่ผสมกับเบกกิ้งโซดาแบบเดียวกันขัดทำความสะอาดให้ทั่วตามด้วยการเช็ดออกอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า และเปิดตู้เย็นทิ้งไว้สักพัก รอให้ทุกส่วนแห้งสนิทจึงประกอบเข้าเพื่อใช้งาน
7.การทำความสะอาดหน้าเตา
บริเวณหน้าเตาเป็นอีกมุมเล็ก ๆ ที่ทำความสะอาดไม่ยากเลยค่ะ ถึงแม้จะใช้งานตลอดแต่คราบที่เลอะบริเวณนี้ก็มักจะมาจากอาหารขณะปรุง ซึ่งไม่ใช่คราบหนักสะสม สามารถจัดการเช็ดทำความสะอาดได้ทุกครั้งหลังใช้งาน ด้วยน้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจานอ่อน ๆ พร้อมกับฟองน้ำนุ่ม ๆ อีกสักอันก็เพียงพอค่ะ
มุมสำหรับทำความสะอาดอย่างบริเวณอ่างล้างจานก็ต้องการการทำความสะอาดไม่แพ้มุมอื่น ๆ เลยค่ะ นอกจากการทำความสะอาดพื้นผิวในอ่างโดยการใช้น้ำยาล้างจานแบบปกติแล้ว ภายในท่อน้ำทิ้งที่เราทำความสะอาดไม่ถึงก็ต้องจัดการทั้งเรื่องกลิ่นและคราบอุดตันที่สะสมอยู่ ด้วยการต้มน้ำผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำส้มสายชูให้เดือดแล้วจัดการเทราดลงไป
ถึงจะเป็นแค่คราบจากน้ำ ที่ไม่ใช่สิ่งสกปรกสะสมแต่ก็ต้องดูแลให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะคะ ทำความสะอาดก๊อกน้ำที่เต็มไปด้วยรอยคราบด่างจากน้ำให้น่าใช้ใสปิ๊งง่าย ๆ ไม่ทำลายพื้นผิวด้วยการเช็ดด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำส้มสายชู และล้างทำความสะอาดอีกครั้ง ก็จะได้ก๊อกน้ำออกมาใสเหมือนใหม่แล้วค่ะ
การดูแลตู้เก็บถ้วยชามและเครื่องครัวให้สะอาดปราศจากกลิ่นอับก็เป็นอีกเรื่องที่จำเป็นมาก ถึงแม้จะเป็นส่วนที่ไม่ได้เจอกับคราบสกปรกโดยตรง แต่เพราะเป็นส่วนที่ใช้จัดเก็บทั้งเครื่องครัว ภาชนะต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องปรุงจึงต้องดูแลให้สะอาด ไร้ฝุ่น ไร้กลิ่นและสิ่งสกปรก ด้วยการใช้น้ำยาสูตรฮิตจากน้ำส้มสายชูเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และอาจใช้กากใบชาวางไว้ในตู้เพื่อลดกลิ่นอับที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ
ที่มา : http://www.baanlaesuan.com
|
|
|